blank
blank

โลหะหนัก (heavy metals) ภัยอันตรายใกล้ตัว

ในประเทศไทย จำนวนประชากรที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรม มีมากถึง 22.15% ของแรงงานทั้งหมด ซึ่งในเชิงอุตสาหกรรมของไทย แบ่งออกเป็นหลักๆ 2 ประเภท คือ อุตสหากรรมสิ้นค้าทุน เช่น การทำเครื่องจักร เครื่องมือ เหมืองแร่ การถลุงโลหะ อุตสาหกรรม เคมี เป็นต้น และ อุตสาหกรรมประเภทสินค้าบริโภค เช่น อุตสหากรรมอาหาร และของใช้ในบ้าน

ในบางอุตสาหกรรมมีการนำโลหะ โลหะหนัก (heavy metals) และสารเคมีเข้ามาใช้ เช่นอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี ตู้เย็น คอมพิวเตอร์​ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์มือถือ แบตเตอรี่ แผนวงจร พลาสติก และอุตสาหกรรมผลิตสี เป็นต้น โดยมีการนำ ตะกั่ว (Pb) ปรอท (Hg) แคดเมียม (Cd), แมงกานีส (Mn), เหล็ก (Fe), ทองแดง (Cu), สังกะสี (Zn), สารหนู (As) และโครเมียม (Cr) เข้ามาใช้งาน ซึ่งมักเจือปนอยู่ในสิ่งแวดล้อม และสามารถทำลายเซลล์ร่างกาย เมื่อเกิดการสะสม หรือเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ จะทำให้เกิดความเสื่อม ร่างกายแก่เร็วขึ้นกว่าอายุจริง และเกิดโรคต่างๆ

โดยสถิติผู้ป่วยโรคพิษจากสารโลหะหนักมีจำนวนมากขึ้นในทุกๆปี และแยกแบ่งเป็นตามชนิดของโลหะหนักในประเทศไทย ดังนี้

blank

โลหะหนักเหล่านี้ สามารถเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางการกิน หายใจ สัมผัส และดูดซึมทางผิวหนัง โดยเมื่อเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน และสะสมในปริมาณที่มากเกินไป จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

อาการเตือนเมื่อได้รับโลหะหนัก

  • มีภาวะอ่อนเพลีย
  • เหนื่อยง่าย
  • ปวดหัวบ่อย
  • ผื่นภูมิแพ้
  • ลมพิษ
  • หอบหืด หายใจติดขัด
  • ท้องเสีย คลื่นไส้ ปวดท้อง อาเจียน

ซึ่งการสะสมของโลหะหนักนั้น เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะเข้าไปสะสมในส่วนต่างๆของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นระบบหายใจ เส้นผม ระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย หรือ ระบบเลือด  โดยโลหะหนักจะเข้าไปแย่งการทำงานของแร่ธาตุที่จำเป็น เช่น โลหะหนักเข้าไปขัดขวางการทำงานของแร่ธาตุสังกะสี (Zn) ในการผลิตเอนไซม์ ที่มีหน้าที่ย่อยสลายสารพิษ และสารอนุมูลอิสระ ตะกั่ว (Pb) เข้าไปแทนที่การดูดซึมแคลเซียม (Ca) ทําให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมได้ตามปกติ และสามารถทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนได้ นอกจากนี้โลหะบางชนิด ยังสามารถทำลายโครงสร้างทางพันธุกรรม DNA ได้ และในด้านระบบเลือด โลหะหนักจะไปสะสมภายในเซลล์บุภายในผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้นบนผนังเซลล์​ และไปเร่งกระบวนการอักเสบ ทำให้การทำงานของเซลล์บริเวณผนังเลือดผิดปกติ คอเลสเตอรอล LDL (Low Density Lipoprotien) ที่ลอยอยู่ในหลอดเลือดจะเริ่มจับบนผนังหลอดเลือด ทำให้ช่องหลอดเลือดตีบแคบลง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆตามมา ทั้งนี้ทั้งนั้นโลหะเหล่านี้สามารถขับออกจากร่างกายได้เอง ผ่านทางเหงื่อ และปัสสาวะ แต่ในกรณีที่มีโลหะหนักจำนวนมากสะสมในร่างกาย ร่างกายอาจไม่สามารถกำจัดออกได้หมด ทำให้เกิดการสะสม และอาจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย

blank

เมื่อไหร่ที่ร่างกาย ไม่สามารถ ขับโลหะหนักออกเองได้

  • ปริมาณที่มาก ถ้าร่างกายได้รับโลหะหนักในปริมาณที่มากเกินไป หรือเป็นระยะเวลานาน ร่างกายอาจจะไม่สามารถขับออกได้ทัน
  • การสะสม โลหะหนักบางชนิด มีแนวโน้มที่จะสะสมในเนื้อเยื่อต่างๆ เช่น สมอง ตับ ไต ทำให้การขับออกเป็นไปได้ยาก

ตัวช่วยในการขับโลหะหนัก

Chelation Therapy หรือ คีเลชั่นบำบัด เป็นการใช้สาร กลุ่มกรดอะมิโน EDTA (Ethylenediaminetetraacetic acid) ดริปเข้าร่างกายทางหลอดเลือดดำ เพื่อจับสารโลหะหนักในหลอดเลือด และขับออกทางเหงื่อ และปัสสาวะ

โลหะหนักในร่างกายมาจากไหนบ้าง?

ได้รับผ่านทางผิวหนัง

  • เครื่องสำอาง
  • ลิปสติก
  • ปุ๋ย
  • สารเคมี
  • การทาเล็บ

ผ่านทางการทาน

  • อาหารทะเล
  • อาหารกระป๋อง
  • น้ำดื่มที่ปนเปื้อน
  • ยารักษาโรค

ผ่านทางเดินหายใจ

  • สารเคมี
  • ยาฆ่าแมลง
  • ควันบุหรี่
  • ฝุ่น
  • ไอเสียรถยนต์

แม้ในปัจจุบัน เราสามารถตรวจวัดระดับสารโลหะหนักในร่างกายได้ และมีวิธีที่จะช่วยกำจัดออก แต่การดูแลตัวเอง และป้องกันนั้นถือเป็นสิ่งที่ยั่งยืนที่สุด โดยเราสามารถป้องกันได้ดังนี้

  1. สวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่ในที่ที่มีฝุ่นควัน หรือต้องทำงาน และอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสารโลหะหนัก
  2. เลี่ยงการจับแบตเตอรี่ ถ่ายไฟฉาย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เสื่อมสภาพแล้ว เพราะอาจมีสารโลหะหนักรั่วซึมออกมา
  3. เลี่ยงการทานอาหารซ้ำๆ จากแหล่งเดิมๆ เช่น ผัก ผลไม้ ปลา เพราะจะมีโอกาสให้เราได้รับสารพิษชนิดเดิมๆ เข้าไปสะสมในร่างกาย
  4. ร่างกายเรามีระบบในการกำจัดสารพิษ และโลหะหนัก ซึ่งใช้กรดอะมิโน ที่ชื่อว่า เมไทโอนีน (methionine) ที่มีกำมะถันเป็นองค์ประกอบ ซึ่งร่ายกายไม่สามารถสร้างได้เอง และต้องได้จากการทานอาหาร โดยอาหารที่มีโปรตีน และมีวิตามิน C ถือเป็นตัวช่วยในการ รวม เมไทโอนีน และสารกำมะถัน (sulphur) ในการสร้างกลูต้าไธโอน (glutathione) ที่ใช้ในการกำจัดสารพิษ ดังนั้นเราจึงต้องจำเป็นมีสารพวกนี้ให้เพียงพอ
  5. เลี่ยงการกินยา อาหารเสริม หรือสมุนไพร ที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจมีโลหะหนักปนเปื้อนในปริมาณสูง
  6. เลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจมีส่วนผสมของปรอทที่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง

เกี่ยวกับ EDNA Wellness

EDNA Wellness เป็นคลินิกในกรุงเทพฯ ที่เชี่ยวชาญด้านสเต็มเซลล์ (เซลล์บำบัด) ที่เน้นการฟื้นฟูระบบประสาทฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง และข้อเข่าเสื่อม และ IV Drip แบบเฉพาะบุคคล รวมถึงการดูแลด้านความงาม และสุขภาพแบบองค์รวมอย่างมืออาชีพ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE Official: @ednawellness WhatsApp +66 (0) 64 505 5599

error:Content is protected !!
blank